หากกล่าวถึงอัญมณีประจำราศีกรกฎ หรืออัญมณีมงคลสำหรับผู้ที่เกิดในเดือนกรกฎาคมแล้ว หลายคนคงนึกถึงอัญมณีสีแดงสดอย่าง “ทับทิม” มาเป็นอันดับแรก หากทว่า ความจริงแล้ว ทับทิมมิใช่อัญมณีเพียงชนิดเดียวที่เหมาะจะสวมใส่ไว้เป็นเครื่องรางติดกาย สำหรับผู้ที่เกิดในราศีนี้ แต่ยังมีอัญมณีอีกชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “สปิเนล” อีกด้วย 

แม้สปิเนลจะไม่มีชื่อเรียกในภาษาไทย แต่คนไทยส่วนใหญ่มักรู้จักสปิเนลกันในชื่อของ “พลอยสีแดงเนื้ออ่อน” ซึ่งหลายท่านอาจคิดว่า ค่าความแข็งของสปิเนลอาจอ่อนถึงขั้น 6.5 โมห์สเกล เหมือนกันกับมรกต หรือพลอยแซฟไฟร์ เนื้ออ่อนอื่นๆ แต่ความจริงแล้ว สปิเนลมีค่าความแข็งมากถึง 8 โมห์สเกลทีเดียว ซึ่งนั่นทำให้เนื้อพลอยมีความแข็งแกร่งพอสมควร จึงไม่เป็นรอยขูดขีดได้ง่าย แต่ที่เรียกว่าพลอยสีแดงเนื้ออ่อน ก็เพราะสปิเนลมีค่าความแข็งน้อยกว่าทับทิม ซึ่งมีค่าความแข็งอยู่ในระดับ 9 โมห์สเกล นั่นเอง

ที่สำคัญ สปิเนลถึอเป็นพลอยที่ที่มีสีสันตระการตามากที่สุด ในจำนวนพลอยทุกชนิดที่มีในโลก เนื่องจากสีของสปิเนลจะมีตั้งแต่สีแดงสด สีชมพู แดงอมชมพู สีแดงอมส้ม สีส้มอมน้ำตาล สีแดงอมน้ำตาล สีแดงอมม่วง สีน้ำเงิน สีเขียว สีเขียวแก่เกือบดำ สีเขียวอมน้ำตาล สีดำ สีเหลือง ไปจนถึงสีขาวใสเลยทีเดียว  สปิเนลชนิดที่หายาก พบได้น้อย และมีราคาแพงที่สุดจะเป็นสปิเนลสีแดง ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับทับทิมมากที่สุด แต่สปิเนลที่พบในปัจจุบันส่วนใหญ่จะเป็นสีแดงอมม่วง ซึ่งหาได้ง่าย และราคาถูกกว่าอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม เริ่มเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง ในช่วงศตวรรษที่ 19 ราวปี ค.ศ. 1982 ในงานแสดงอัญมณีทูซอนโชว์ (Tuczon Show 1982) ที่สหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะสปิเนลสีแดง ซึ่งมีราคาสูงถึง 2, 000 – 3, 500 เหรียญ/กะรัตเลยทีเดียว แต่ถึงกระนั้น สปิเนลเม็ดที่ใหญ่ที่สุด และโด่งดังที่สุด ปัจจุบันยังอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ British Gemmological Museum of London ซึ่งมีน้ำหนักมากถึง 520 กะรัต เป็นสปิเนลที่ไม่ได้เจียระไน แต่ขัดเงา และเคยถูกนำไปประดับไว้บนมงกุฎของกษัตริย์ Henry แห่งราชอาณาจักรอังกฤษ เมื่อครั้งที่ทรงเสด็จเข้าร่วมรบในสงคราม 100 ปี ฯลฯ ซึ่งเล่ากันว่า บนอัญมณีสปิเนลสีแดงสดเม็ดนั้นยังมีรอยจารึกพระนามเดิมของเจ้าของอัญมณี ซึ่งก็คือจักรพรรดิเตมูจินผู้ยิ่งใหญ่แห่งมองโกล ผู้เป็นหลานชายแท้ๆ ของเจงกิสข่าน นั่นเอง

สำหรับสปิเนลสีแดง (Red Spinel) นั้นถือเป็นพลอยสปิเนลที่มีราคาสูงที่สุด และมีความคล้ายคลึงกับทับทิมมากทีสุด จนบางคนคิดว่าเป็นทับทิม แต่ก็ยังมีความแตกต่างให้เห็นเมื่อนำพลอยทั้งสองชนิดนี้มาส่องกับแสงแดด ซึ่งค่าการหักเหของแสงระหว่างสปิเนล และทับทิมจะมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน กล่าวคือ สปิเนลจะเป็นพลอยที่มีค่าการหักเหของแสงแบบเดี่ยว แต่ทับทิมจะเป็นพลอยที่มีค่าการหักเหของแสงแบบเส้นคู่ขนาน  และถ้านำพลอยทั้งสองชนิดมาใส่ลงในน้ำยา 3.32 เพื่อหาค่าความถ่วงจำเพาะ จะพบว่าทับทิมจะจมลงในน้ำยาก่อนสปิเนล เพราะมีค่าความถ่วงจำเพาะสูงกว่าสปิเนลด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม สำหรับการนำสปิเนลมาเจียระไรเป็นเครื่องประดับสำหรับสวมใส่ไว้ติดกายนั้น โดยมากมักจะนิยมเจียระไนเป็นรูปสี่เหลี่ยมทรงหมอน (Cushion) รูปไข่ (Oval) และรูปหยดน้ำ (pear) เพราะจะทำให้รูปลักษณ์และสีสันของอัญมณีสปิเนลโดดเด่นเป็นสง่าขึ้นมากทีเดียว ซึ่งตามตำนานโบราณได้กล่าวไว้ว่า หากนักรบสวมใส่สปิเนลสีแดงไว้คู่กายยามออกรบ ผู้นั้นจะมีชัยชนะต่อศัตรู ทั้งยังสร้างความกำเกรงให้เกิดขึ้นในหมู่ทหารผู้ใต้บังคับบัญชาอีกด้วย แต่แม้กระนั้น สปิเนลก็ยังได้ชื่อว่าเป็นอัญมณีแห่งการประนีประนอมชั้นยอด ผู้ที่สวมใส่สปิเนลมักเป็นนักแก้ปัญหา รักษาสถานการณ์ที่แตกร้าวระหว่างผู้คนทั้งสองฝ่ายให้กลับมาสมานสามัคคีดีดังเดิมได้อีกด้วย ดังนั้นตามความเชื่อของคนโบราณ จึงเชื่อกันว่าสปิเนลเป็นอัญมณีที่จะนำมาซึ่งอำนาจ พลังความแข็งแกร่ง ชัยชนะ และความรัก ด้วยนั่นเอง…

 

บทความดังกล่าวข้างต้นจัดทำโดยทีมงาน บริษัท เลนญ่า จิวเวลรี่ จำกัด ทางเราจึงขอสงวนสิทธิ์ การคัดลอกเนื้อหาทุกบทความของทางบริษัทฯ
กรณีต้องการนำข้อมูลไปใช้หรืออ้างอิง กรุณาติดต่อทีมงานค่ะผ่าน LINE: @LenyaJewelry ค่ะ