อเมทิสต์ (Amethyst) อัญมณีสีม่วง หนึ่งในแร่ตระกูลควอตซ์ มีความแข็งเท่ากับ 7 โมห์สเกล และมีความแวววาว แบบแก้วคริสตัล มีสีม่วงเป็นสีหลัก และมีสีม่วงอื่นๆ อีกหลายเฉดสี เช่น ม่วงอ่อน ม่วงเข้ม ม่วงเกือบดำ ม่วงอมน้ำตาล ม่วงอ่อนอมชมพู หรือที่เรียกกันว่า Rose de France แต่สีที่ได้รับความนิยม ราคาสูง และมีชื่อเสียงที่สุดคือ อเมทิสต์ที่มีสีม่วงเข้ม หรือที่เรียกกันว่า ม่วงดอกตะแบก นั่นเอง 


    มนุษย์รู้จักความงาม และความศักดิ์สิทธิ์ของอัญมณีอเมทิสต์มานากว่า 5, 000 ปี นับตั้งยุคอียิปต์โบราณ อเมทิสต์ก็ถูกใช้เป็นเครื่องประดับสำหรับฟาโรห์ ราชินี และสุภาพสตรีชั้นสูงเรื่อยมา มิหนำซ้ำเมื่อฟาโรห์ทรงสิ้นพระชนม์ ก็ยังมีการประดับพลอยอเมทิสต์ไว้ที่ตำแหน่งหัวใจของฟาโรห์ ตามความเชื่อเรื่องการเกิดใหม่ในคัมภีร์แห่งความตาย (The Book of the dead) อีกด้วย ไม่เพียงแค่นี้ ในยุคกลางยังเชื่อว่า สีม่วงของอเมทิสต์คือสีที่สื่อถึงจิตวิญญาณ การชำระล้างจิตใจให้บริสุทธิ์ การขจัดสิ่งชั่วร้ายออกจากจิตใจ และยังหมายถึงความศรัทธาอันสูงส่งในศาสนาอีกด้วย โดยในคัมภีร์ไบเบิลของชาวคริสต์ได้มีการอธิบายถึงความศักดิ์สิทธิ์ของอเมทิสต์ โดยการถูกนำไปเป็นเครื่องประดับบนเสื้อคลุม และมงกุฎของพระชั้นสูง และกลายเป็นสัญลักษณ์ของบาทหลวงในคริสตจักรเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ นั่นเอง


เดิมทีคำว่า “อเมทิสต์” นั้นมาจากภาษากรีกที่เรียกว่า “Amathystos” ซึ่งมีความหมายว่า การมีสติ และไม่มึนเมา ทั้งนี้เพราะในตำนานกำเนิดอเมทิสต์ของชาวกรีกในสมัยโบราณนั้น เล่าสืบต่อกันมาว่า วันหนึ่งเทพไดโอนิซุส (Dionysius) ซึ่งเป็นเทพแห่งความมึนเมา เมรัย และการผลิตเหล้าองุ่น กำลังมึนมาด้วยฤทธิ์สุราที่ขณะทรงดวดดื่มเพื่อดับความโกรธที่มนุษย์ทั้งหลายพากันหลงลืมพระองค์ ไม่ยอมมาสักการบูชาพระองค์ เหมือนกับเทพองค์อื่นๆ ในโอลิมปัส จึงทรงสาปแช่งเอาไว้ว่า ถ้าวันนี้มนุษย์คนไหนเดินผ่านหน้าพระองค์แล้วไม่ทำการคารวะ ขอให้มันผู้นั้นถูกเสือกิน แต่บังเอิญวันนั้นมีเพียงหญิงสาวที่ชื่ออเมทิสต์คนเดียวที่เดินผ่านมาด้วยความรีบร้อน เนื่องจากนางจะรีบไปสักการะเทพีไดอานา (Diana) ที่เชิงเขา แต่ระหว่างทางนางก็ได้พบกับเสือตามคำสาปแช่งของเทพไดโอนิซุสเข้าจนได้ ด้วยความหวาดกลัวนางจึงร้องขอความช่วยเหลือจากเทพีไดอาน่า แต่เพราะเทพีไม่อาจแก้คำสาปของเทพด้วยกันได้ พระนางจึงสาปให้อะเมทิสต์กลายเป็นผลึกแก้วควอตซ์ ซึ่งมีความแข็งแกร่งแทน เพื่อจะได้ไม่ถูกเสือกิน ครั้นเมื่อเทพไดโอนิซุสทราบความจริงจากเทพีไดอาน่า จึงทรงเกิดความละอายใจ และเพื่อเป็นการไถ่โทษแก่หญิงสาวที่ต้องกลายเป็นหิน เพราะคำสาปของเทพีไดอาน่า พระองค์จึงทรงเทเหล้าองุ่นที่เสวยอยู่ลงบนร่างของอะเมทิสต์ และให้พรแก่นางว่า หากในอนาคตใครได้ครอบครองผลึกแก้วสีม่วงนี้ จะเป็นผู้เปี่ยมไปด้วยสติปัญญา เป็นผู้มีสติ และปราศจากความมึนเงาทั้งหลาย และด้วยเหตุนี้เอง อะเมทิสต์จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความไม่มึนเมา และการมีสตินับแต่นั้นเป็นต้นมา…


    นอกจากที่กล่าวมาแล้วนี้ ผู้คนทั้งหลายยังเชื่อกันว่า อเมทิสต์ยังเป็นสัญลักษณ์ของความรัก และสันติสุขอีกด้วย.

 

บทความดังกล่าวข้างต้นจัดทำโดยทีมงาน บริษัท เลนญ่า จิวเวลรี่ จำกัด ทางเราจึงขอสงวนสิทธิ์ การคัดลอกเนื้อหาทุกบทความของทางบริษัทฯ
กรณีต้องการนำข้อมูลไปใช้หรืออ้างอิง กรุณาติดต่อทีมงานค่ะผ่าน LINE: @LenyaJewelry ค่ะ