เครื่องประดับกับสาวๆ ถือเป็นของคู่กัน ใครที่เคยใส่เป็นประจำ วันไหนไม่ได้ใส่อาจจะรู้สึกแปลกๆ รู้สึกกังวล หรือถึงขั้นไม่ค่อยมั่นใจก็มี เครื่องประดับนั้น แม้ว่าจะดึงดูดสายตา ดึงดูความสนใจของคนรอบข้าง ช่วยเสริมให้ตัวเราดูเด่น ดูน่าสนใจขึ้น และใส่ได้บ่อยทุกๆ วัน แต่เครื่องประดับใดๆ ก็ไม่ใช่วัสดุที่จะอยู่ยงคงกระพัน ลุยไหนลุยกันได้ตามที่เราต้องการ

หลายคนอาจจะคิดว่า เครื่องประดับทำจากโลหะและอัญมณีที่มีความแข็งสูง ไม่น่าจะเกิดริ้วรอยหรือมีปัญหาอะไรได้ ซึ่งยังเป็นความเข้าใจที่ไม่ตรงตามความจริงนัก เพราะแม้ว่าเครื่องประดับจะมีความทนทานในระดับหนึ่ง แต่ผิวของโลหะและผิวของอัญมณีก็สามารถที่จะถูกขีดข่วน หรือหมองคล้ำลงได้ด้วยสาเหตุด้านกายภาพต่างๆ ยิ่งถ้าใช้งานและเก็บรักษาแบบไม่ค่อยระวัง โอกาสที่เครื่องประดับจะร้าวหรือบิ่น ยิ่งมีความเป็นไปได้สูง

หลายคนอาจยังไม่ทราบว่า พฤติกรรมในชีวิตประจำวันของเรา เช่น การใช้เครื่องสำอาง รองพื้น หรือแม้แต่แป้ง ก็สามารถที่จะทำให้เกิดปฏิกิริยาบางอย่างกับเครื่องประดับชิ้นโปรดของเราได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “น้ำหอม” ซึ่งมีส่วนผสมของสารเคมีประเภทแอลกอฮอล์ ซึ่งสามารถทำปฏิกิริยาได้กับทั้งตัวเรือนและอัญมณี

ทุกครั้งที่เราจะสวมใส่เครื่องประดับ เราควรจะใช้เครื่องสำอางต่างๆ และฉีดน้ำหอมให้เรียบร้อย ก่อนสวมใส่เครื่องประดับ โดยเฉพาะต่างหู สร้อยคอและเข็มกลัด  เพราะเครื่องสำอางทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นครีมรองพื้น แป้งฝุ่น บรัชออน จะสามารถติดไปบนผิวที่เรียบและเป็นมันของเครื่องประดับ และน้ำหอมบางชนิดก็อาจทำปฏิกิริยากับตัวเรือน ทำให้ตัวเรือนเปลี่ยนเป็นสีคล้ำหรือเป็นจุดดำ

หลายคนที่ไม่เข้าใจข้อเท็จจริงนี้ อาจสงสัยว่า ทำไมเครื่องประดับที่ใส่อยู่ประจำ ถึงหมองคล้ำลง ไม่มีประกายเหมือนตอนซื้อมาใหม่ๆ หรือทำไมถึงมีจุด มีลาย หรือมีรอย ซึ่งทำให้ความสวยงามของเครื่องประดับลดน้อยลงไป หากคุณมีพฤติกรรมชอบแต่งหน้าและฉีดน้ำหอมทั้งๆ ที่ยังสวมเครื่องประดับอยู่ ไม่ว่าจะแหวน สร้อย หรือกำไล ก็ย่อมเป็นไปได้ที่ความหมองคล้ำของเครื่องประดับจะเกิดจากพฤติกรรมของคุณเอง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องประดับประเภท “มุก” ไม่ว่าจะสร้อยข้อมือ สร้อยคอ หรือต่างหู สิ่งแรกที่คุณต้องรู้คือ มุกที่นำมาทำเครื่องประดับนั้นจะมีการเคลือบสารเคมีมาด้วยเพื่อให้เกิดความเงา ฉะนั้น ถ้าหากเครื่องประดับมุกของคุณสัมผัสกับสารเคมีที่มีส่วนผสมของ “ทินเนอร์” ก็จะส่งผลต่อสารเคลือบความเงา ทำให้ความเงาลดลง

สารเคมีที่มีส่วนผสมของทินเนอร์ที่ว่านี้ ก็คือน้ำหอม หรือผลิตภัณฑ์จำพวกที่ใช้ในการแต่งผม เช่น สเปรย์แต่งผม ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ถือเป็น “ของต้องห้าม” ของมุก

ไม่ได้หมายความว่า ถ้าคุณใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้แล้วคุณจะสวมมุกไม่ได้ แต่หมายความว่า คุณควรใช้มันก่อน แล้วจึงสวมมุกเป็นอันดับสุดท้าย

นอกจากนี้ เมื่อคุณสวมใส่เสร็จแล้ว ก่อนที่จะเก็บคุณควรทำความสะอาดโดยใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาด เช็ดเบาๆ ให้ทั่ว มุกเป็นเครื่องประดับที่เกิดรอยได้ง่าย และไม่ควรให้มุกถูกความร้อนหรือน้ำร้อน เพราะจะทำให้กาวที่ใช้ประกอบเครื่องประดับมุกเสื่อมสภาพ
 

ทั้ง “เครื่องประดับ” และ “น้ำหอม” เป็นสองสิ่งที่คู่กับผู้หญิงแทบทุกคน แต่การจะใช้ทั้งสองสิ่งไปพร้อมๆ กันได้อย่างถูกต้อง คือต้องฉีดน้ำหอม ฉีดสเปรย์แต่งผม หรือใช้เครื่องสำอางค์ให้เรียบร้อยก่อน จากนั้นจึงสวมเครื่องประดับเป็นลำดับสุดท้าย ตลอดจนรู้จักการทำความสะอาดและการเก็บรักษาที่ถูกวิธี

เครื่องประดับแสนสวยจึงจะสามารถอยู่กับเราได้อย่างยาวนาน

บทความดังกล่าวข้างต้นจัดทำโดยทีมงาน บริษัท เลนญ่า จิวเวลรี่ จำกัด ทางเราจึงขอสงวนสิทธิ์ การคัดลอกเนื้อหาทุกบทความของทางบริษัทฯ
กรณีต้องการนำข้อมูลไปใช้หรืออ้างอิง กรุณาติดต่อทีมงานค่ะผ่าน LINE: @LenyaJewelry ค่ะ